โปรเเกรมฉีดโบท็อกซ์สามารถนำมาแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อให้คนไข้คลายกังวลได้ โดยสามารถนำมาฉีดในบริเวณดังต่อไปนี้ โดยเเต่ะละจุดจะใช้จำนวนยูนิตที่เเตกต่างกัน ซึ่งปรับตามปัญหาของคนไข้แต่ละบุคคล โดยต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้ชำนาญการก่อนทุกครั้ง ทาง About Face Clinic สามารถดูเเลคนไข้ได้ตั้งเเต่ขั้นตอน การปรึกษาปัญหาเเละการประเมินใบหน้าไปจนถึงติดตามผลการรักษา จุดที่สามารถฉีดได้มีดังต่อไปนี้ * ถ้าหากฉีดมากเกินไปจะทำให้ใบหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ เรียกกันว่าหน้าตึงโบ กราม : ใช้ฉีดเพื่อลดกล้ามเนื้อบริเวณกราม ช่วยให้ใบหน้าเรียวเเละเล็กลง ลดความกังวลในใบหน้าที่ไม่เท่ากัน เช่น ผู้ที่เคี้ยวข้าวข้างเดียว ก่อให้เกิดกล้ามเนื้อกรามใหญ่เพียงข้างเดียว ในบริเวณนี้จะใช้ประมาณข้างละ 25-30 ยูนิต หน้าผาก : ใช้เพื่อลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอยเหี่ยวย่น เหมาะสำหรับผู้ที่เเสดงสีหน้าบ่อยๆ เช่น ผู้ที่มักจะเเสดงอารมณ์ผ่านใบหน้า ซึ่งหากเเสดงสีหน้าบ่อยครั้ง ก็จะก่อให้เกิดริ้วรอยที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ปริมาณที่ใช้ 15-20 ยูนิต บริเวณหน้าผากจะตึง ดูเป็นธรรมชาติ ริ้วรอยลดลง * นอกจากนี้ริ้วรอยที่เกิดจากการเเสดงอารมณ์ทางสีหน้า มักจะเกิดที่ ระหว่างคิ้ว ใช้ประมาณ 6-15 ยูนิต เเละหางตา ใช้ประมาณ 15-20 ยูนิต อีกด้วย ปีกจมูก : ใช้ฉีดเพื่อลดกล้ามเนื้อบริเวณปีกจมูกของบุคคลที่ไม่มั่นใจในปีกจมูกของตัวเอง เช่น มีความรู้สึกว่าปีกจมูกใหญ่เกินไป ใช้ประมาณ 15-20 ยูนิต จะช่วยให้ปลายจมูกดูเป็นทรงตามที่ต้องการได้มากขึ้น ลิฟกรอบหน้า : ใช้เพ่ื่อช่วยปัญหาคนที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยจากการถูกกล้ามเนื้อบริเวณคอดึงผิวลงมา จึงฉีดเพื่อช่วยปรับรูปหน้าให้เข้ารูปมากขึ้นเเละยังช่วยให้ใบหน้ายกกระชับเเละเรียวเล็กขึ้นอีกด้วย ปริมาณที่ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิตต่อข้าง ลิฟคอระหง :   ใช้เพื่อกระชับผิวหย่อนคล้อยบริเวณลำคอ รอยเหี่ยวย่นตึงขึ้น ช่วยให้คอดูเรียวยาวและรับกับบริเวณบ่ามากขึ้น ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิตต่อข้าง กระชับรูขุมขน : ใช้ฉีดเพื่อให้รูขุมขนบนใบหน้ากระชับขึ้น ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น ใช้ประมาณ 25-30 ยูนิต รักแร้ : ใช้ฉีดเพื่ิอทำให้เหงื่อบริเวณรักแร้ออกน้อยลง กลิ่นตัวลดลง ผิวหนังไก่รักแร้กระชับขึ้น ใช้ประมาณ 80-100 ยูนิตต่อข้าง น่อง : ใช้เพื่อ ลดปัญหาน่องใหญ่จากกล้ามเนื้อ ที่ไม่ได้เกิดจากไขมัน โดยโบนั้นจะ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณน่องเล็กลง ขาเรียวเล็กได้รูป ใช้ประมาณ ยูนิตต่อข้าง * ปล. ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเเต่ละบุคคลน้าา วิธีการเตรียมตัวก่อนทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ งดใช้ยาหรือครีมบำรุงผิวกลุ่มกรดวิตามิน A, AHA การสครับหน้า ขัดหน้า เป็นเวลา 3-5 วันก่อนการฉีด งดการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS เช่น Brufen, Naproxen, Motrin กลุ่มอาหารเสริมวิตามินอี น้ำมันปลา เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ เพื่อลดการเกิดรอยช้ำหลังการฉีด งดแอลกอฮอล์ 3-5 วัน ทั้งก่อนและหลังการรักษา   ถ้ามีประวัติของโรคเริมบริเวณฝีปาก ควรแจ้งแพทย์ก่อนรับการรักษา วิธีการดูแลตัวเองหลังทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ งดนวด กด หรือบีบบริเวณที่ทำการฉีดโบ งดนอนราบหรือก้มหน้าเป็นเวลา 4 ชั่วโมง งดอบซาวน่า สตรีม ทำอาหารหน้าเตาร้อน รอยนูนจากการฉีดจะหายไปเองภายในเวลา 2-3 ชั่วโมง งดเว้นการออกกำลังกายอย่างหนัก หรือการเล่นโยคะเป็นเวลา 1-2 วัน หลังการรักษา งดการทายาหรือเครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น กรดวิตามินเอ AHA วิตามินซีเป็นเวลา 24 ชั่วโมง หลังการรักษา พยายามขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้ยากระจายตัวเข้ากล้ามเนื้อได้มากขึ้น หากพบอาการอื่นๆ ที่ไม่พิึงประสงค์ ต้องรีบกลับมาพบแพทย์ในทันที​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​​ รีวิว

ก๊อก ก๊อก ๆ กำลังอยากมีผิวหน้าฉ่ำโกลว์ ดูสุขภาพดี เหมือนนอนวันละ 10 ชั่วโมง กันอยู่หรือเปล่าคะ ??? ถ้ากำลังสนใจ ต้องบอกว่ามาถูกทางแล้วล่ะค่ะ สิ่งใหม่ ๆ เรื่องใหม่ๆ About Face Clinic พร้อมนำเสนอ "โปรแกรมฟิลเลอร์งานผิว Belot Revive" พร้อมรายละเอียดที่ครบถ้วนด้านล่างเลย อย่าเพิ่งเชื่อ ถ้ายังไม่ได้อ่านนน !!!! โปรแกรมฟิลเลอร์ Belot Revive คืออะไร ? Belot Revive ที่กำลังได้รับความสนใจ เพราะเป็นตัวแรกที่เพิ่มส่วนผสมของ Hyaluronic Acid (HA) และ Glycerol ซึ่งสามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่มีปัญหาในระยะแรกเริ่ม จากปัญหาที่เกิดจากมลภาวะต่าง ๆ และแสงแดด นิยมใช้ฉีดบำรุงผิว เน้นการฟื้นฟู เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวได้ทั้งภายนอกและภายใน  โปรแกรมฟิลเลอร์ Belot Revive ต่างจากรุ่นอื่นยังไง มี Dual Action ผสานผสานสารสำคัญ 2 ส่วนประกอบหลัก Hyaluronic Acid เปรียบเสมือนน้ำเพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวเงาสวย รูขุมขนกระชับ กระจ่างใส Glycerol เปรียบเสมือนแทงค์น้ำ กักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้หน้าไม่มัน ลดสิว เหมาะกับคนที่อยากมีผิวฉ่ำโกลว์ ฉ่ำน้ำ แลดูสุขภาพดี โปรแกรมฟิลเลอร์อย่าง Belot Revive ที่มีทั้ง 2 ส่วนผสมที่พิเศษ เมื่อนำมาใช้ทำให้มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้นจากชั้นผิวหนังด้านใน (Dermis) ถึงชั้นผิวหนังชั้นนอกสุด (The stratum corneum) จึงช่วยล็อกความชุ่มชื้นให้กับผิว และเมื่อผิวมีความชุ่มชื้น เวลาโดนแสงจะมีความเล่นแสงโกลว์ฉ่ำ หลายคนเรียกว่า “ Glassy Skin ” โปรแกรมฟิลเลอร์ Belot Revive ช่วยเรื่องอะไร ? เหมาะกับใครบ้าง ? ช่วยเรื่องอะไร ? Skin Glow ผิวโกลว์ กระจ่างใสมากขึ้น Skin Hydration ผิวชุ่มชื้น มีความอิ่มน้ำ Skin Firmness ผิวยืดหยุ่น แน่น และเฟิร์มขึ้ิน Skin Softness ผิิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับมากขึ้น เหมาะกับใครบ้าง ? ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้านขาดน้ำ ผู้ที่มีปัญหาผิวขาดความยืดหยุ่น ไม่กระชับ ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย หรือรอย หลุมสิว ตื้น ๆ ผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวหน้าให้ดูชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น ผู้ที่ไม่ต้องการแต่งหน้ามาก ชอบงานผิว  โปรแกรมฟิลเลอร์ Belot Revive ฉีดกี่ครั้งเห็นผล อยู่ได้นานแค่ไหน ? สำหรับผู้ที่มีผิวธรรมดา ฉีด 1 ครั้ง ครั้งละ 2 cc. และ ผู้ที่มีผิวแห้ง ฉีด 3 ครั้ง ครั้งละ 2 cc. ทุก ๆ 1 เดือน ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานถึง 9-12 เดือน *แพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าปัญหาผิวของคุณนั้นเหมาะสมที่จะฉีดฟิลเลอร์ BELOTERO Revive ปริมาณเท่าไหร่ *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ข้อควรรู้ก่อน-หลังทำ โปรแกรมฟิลเลอร์ Belot Revive ก่อนทำ ควรงดยาทาชนิดผลัดเซลล์ผิว และการแว็ก ยาแอสไพริน ยา NSAIDs เช่น ibuprofen, diclofenac, ponstan เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนทำ งดวิตามิน St.John’s Wort, ginkgo biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนทำ งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง  งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด หากมีโรคประจำตัว หรือมียาที่กินเป็นประจำ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งกับแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ คนไข้ต้องตรวจสอบตัวเอง ว่าไม่มีประวัติแพ้สารไฮยาลูรอนิก ไม่ได้อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีปัญหาเลือดออกแล้วหยุดยาก เมื่อแพทย์ซักประวัติแล้ว คนไข้ไม่มีปัญหาอะไรสามารถเข้ารับการฉีดได้ทันที หลังทำ งดแต่งหน้า 24 ชั่วโมง หลังการทำโปรแกรม ไม่กดจับบริเวณผิวที่ทำโปรแกรม ควรทานยาที่แพทย์จ่ายให้ หลังทำต่อเนื่องจนครบ เพื่อช่วยลดอาการบวม และป้องกันการติดเชื้อ งดทานของหมักดอง และแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 3-7 วัน หลังทำโปรแกรม การดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้น และอยู่ได้นานขึ้น ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ งดโดนของร้อนจัด เช่น ซาวน่า อาบน้ำอุ่น และการเลเซอร์ ไม่ออกกำลังกายหนัก ในช่วง 1 สัปดาห์ หลังทำโปรแกรม รีวิว โปรโมชั่น

สวัสดีค่าาา คุณพรี่ คุณน้า คุณอาทั้งหลาย ใคร ๆ ที่มีผิวหมองคล้ำคล้ายโดนของ ผิวเเห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น ผิวหลวมติดมือ โปรแกรมนี้ช่วยเติมเต็มวอลลุ่มผิวที่หายไป เพราะคอลลาเจนในผิวเสื่อม ! หากใครกำลังรู้สึกว่าตัวเองหน้าคล้อย ผิวหย่อน ลองหยิบผิวขึ้นมาแล้วผิวหลวมติดมือ แนะนำโปรแกรม นี้เลยนะคะ <3 Juve คืออะไร ? Collagen Biostimulators ที่ผสมผสานระหว่างกรดไฮยาลูโรนิก (HA) กับกรดพอลิแลกติก (PDLLA) เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนของผิว ทำให้ ริ้วรอยดูจางลง อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเติมเต็มร่องลึก รอยหลุมสิว และยังช่วยปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใส ซึ่งถือว่าเป็น Skin Booster ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเกาหลี  Juve มีความปลอดภัย สำหรับกรดพอลิแลกติก (PDLLA) เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด และสามารถสลายได้เองไม่มีสารตกค้างและไม่เป็นก้อน Juve ทำงานอย่างไร มีประสิทธิภาพมากเเค่ไหน ? Juve เหมาะกับใคร ? ผู้ที่มีร่องตื้นบริเวณร่องน้ำตา รอบดวงตา ริ้วรอยบริเวณลำคอ ผู้ที่มีผิวขาดความชุ่มชื้น หมองคล้ำ ผู้ที่ต้องการลดเลือนลอยแผลเป็น ผู้ที่ต้องการลดเลือนรอยแตก ผู้ที่ใบหน้าสูญคอลลาเจน อีลาสติน สุขภาพผิวไม่ดี Juve ทำกี่ครั้งเห็นผล สามารถอยู่ได้นานแค่ไหน ? การทำโปรแกรม Juve จะเห็นผลได้ทันที และผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดจะปรากฏในช่วงประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังการฉีด อาจมีการบวมเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี และจะสลายได้เองตามธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น การดูแลรักษาและวิถีชีวิตของแต่ละบุคคล การฉีดซ้ำอาจจำเป็นต่อการรักษาผลลัพธ์ให้ยาวนานขึ้น * ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล Juve ฉีดจุดไหนได้บ้าง ? ฉีดทั่วหน้า กระตุ้นคอลลาเจน ฉีดหน้าแก้ม รูขุมขนแน่นกระชับ ฉีดหน้าผาก ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ฉีดใต้ตา ช่วยให้ถุงใต้ตาดูตื้นขึ้น ฉีดหลุมสิว กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูหลุมสิว ฉีดตีนกา ร่องน้ำตา ให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ รีวิว โปรโมชั่น

ภาวะดื้อโบ คือ ภาวะที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันออกมาต่อต้าน เพราะถูกมองว่าเป็นสารแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย สามารถเเบ่งออกเป็น 3 สาเหตุ 1.  ฉีดโบปลอม : ทำให้ร่างกายต่อต้านสาร และตัวยาถูกทำลายจึงไม่ออกฤทธิ์ ภาวะนี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ฉีด  เนื่องจากร่างกายได้รับสารที่ไม่ได้มาตรฐานหรือทำในปริมาณมากเกินไปจนมีสารตกค้างในร่างกาย เป็นภาวะที่ร่างกายไม่ตอบสนองต่อการทำโปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ ปัญหาที่ตามมาคือ ทำให้ไม่เห็นผล 2 . ฉีดโบถี่/มากเกินไป : ควรเว้นการฉีดอย่างน้อย 3-4 เดือน/ครั้ง ในการฉีดแต่ละจุด และปริมาณการฉีดที่เหมาะสม 3. ฉีดโบที่สารมีความบริสุทธิ์น้อย : จะมีโปรตีนสูง ซึ่งโบที่มีโปรตีนสูงกว่าจะถูกร่างกายต่อต้านได้มากกว่าโบที่มีโปรตีนน้อยกว่า สารตั้งต้นในโบจะมีสารที่ออกฤทธิ์ (Botulinum) และสารที่เกาะอยู่ (ตัวโปรตีน) และโปรตีนเป็นตัวทำกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการต่อต้านเยอะขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะการดื้อโบขึ้นมา ดังนั้น จึงควร เลือกใช้สารที่มีคุณภาพสูง ความบริสุทธิ์สูง มีโปรตีนน้อย เพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน และที่สำคัญยังควรเลือกใช้บริการในคลินิกที่ตรวจสอบและดูแลให้ปลอดภัยได้ อันตรายอะไรบ้างที่ได้รับจากหมอกระเป๋า 1.ใช้ตัวยาปลอม 2.อุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐาน 3.ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ 4.อาการแพ้ 5.พิการหรือเสียชีวิต สาเหตุของการดื้อโบ เนื่องจากร่างกายได้รับสาร Botulinum Toxin ปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน หรือการฉีดเข้าไปในปริมาณมากเกินไปจนมีสารตกค้างในร่างกาย หรืออาจเกิดจากภูมิคุ้มกันในร่างกายของแต่ละบุคคลที่มีไม่เท่ากัน ซึ่งทำให้ร่างกายต่อต้านสาร Botulinum Toxin ในที่สุด จะรู้ได้อย่างไรว่าดื้อโบ ?    ในโปรแกรมการฉีดโบท็อกซ์เเต่ละครั้งจะอยู่ได้น้อยลงจากเดิม เเรกเริ่มอาจจะอยู่ได้ถึง 4-6 เดือน *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เเละหลังจากนั้นจะอยู่ได้น้อยลงในทุกๆครั้งที่ทำการรักษา และจะลดลงเรื่อยๆจนสุดท้ายอาจไม่เห็นผลเลย นั่นจึงแสดงว่าผู้รับการรักษาอาจมีภาวะดื้อโบแล้ว ข้อควรระวังอันตรายจาก หมอกระเป๋า หมอกระเป๋า คือ หมอที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมแอบอ้างตัวเป็นหมอเสริมความงาม รับจ้างทำหัตถการต่าง ๆ เช่น เเอบอ้างฉีดโปรเเกรมโบท็อกซ์ แบบผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่จะนิยมพกกระเป๋าใส่อุปกรณ์และนัดหมายไปทำให้ที่คอนโดของคนไข้ หรือเปิดที่พักอาศัยของตัวเองเป็นคลินิกเถื่อน อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7381643 ฉีดโบโดนความร้อนได้ไหม?​ หลายๆคนคงกังวลใช่ไหมล่ะคะ ว่าโบจะละลายง่ายไหมหรือมีผลกับความร้อนที่ต้องเจอในชีวิตประจำวันหรือเปล่า ?​ เช่น การหนีบผม การไดร์ผม อาบน้ำอุ่น  ตากเเดด รวมถึงการกินปิ้งย่าง ชาบู หมูกระทะ จะต้องเจอไอความร้อนจากเตา ซึ่งจริง ๆ แล้วกิจวัตรประจำวันเหล่านี้ไม่ได้มีผลกับโปรแกรมการฉีดโบท็อกซ์  หากเเต่อุณหภูมิความร้อนสูงถึง 60 องศา ถึงจะมีผลกับโบท็อกซ์ได้ เช่น การซาวน่า การอบไอน้ำ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้มีความร้อนเพียงพอที่จะสามารถส่งผลต่อการละลายของตัวยาได้ โปรโมชั่น โปรแกรมโบท็อกซ์ รีวิวโปรเเกรมโบท็อกซ์

ใครที่กำลังมีปัญหาผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผิวหมองคล้ำ สิวบุก รอยสิวกวนใจ รูขุมขนกว้าง อย่าเพิ่งกังวลไปค่ะ วันนี้ About Face Clinic มีคำตอบ กับโปรแกรมบุฟเฟต์งานผิว ทั้ง 4 เซ็ต จับคู่เข้าเซ็ต ให้คุณพี่สาว พี่ชาย เลือกทำได้ตามสภาพผิวเลยค่าาา ไปดูรายละเอียดก่อนตัดสินใจกันเล้ยยย ^^ มาในโปรแกรมบุฟเฟต์ เน้นให้ได้รับประสิทธิภาพสูงสุด ในราคาที่สุดคุ้ม !!! ยิ่งซื้อเยอะ ลดเยอะ ยิ่งคุ้มมมม โปรแกรมบุฟเฟต์งานผิว About Face Clinic แต่ละสูตรช่วยเรื่องอะไร ? หน้าใส ไร้รอยสิว ผิวฉ่ำ ผิวกระจก ลดสิว ผิวแข็งแรง หลุมสิวตื้น รูขุมขนกระชับ จุดเด่นของโปรแกรมบุฟเฟต์งานผิว แต่ละเซ็ต เหมาะกับใคร มาดูกัน Set 1: หน้าใส ไร้รอยสิว ประกอบด้วย : ชาแนลส์ PINK + Melasma Clear + Derma Skin PN2% เหมาะกับใคร ? : เหมาะกับหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่ใช้ผิวหน้าบ่อย ไม่ว่าจะเป็นในการแต่งหน้า หรือมีการใช้งานผิวหน้าเป็นประจำ และมีปัญหาสิวทิ้งรอย ปัญหารอยดำ จากอาการแพ้ หรือปัญหาฝ้าตื้น ๆ ที่เกิดจากแดดและมลภาวะ บุฟเฟต์งานผิวเซ็ตนี้ตอบโจทย์ค่าา Set 2: ผิวฉ่ำ ผิวกระจก ประกอบด้วย : Derma Skin PN2% + Melasma Clear + Hyaluronic Acid เหมาะกับใคร ? : เหมาะ สำหรับคนที่ต้องการมีผิวสุขภาพดี ลดขั้นตอนในการแต่งหน้าและการเตรียมผิว ต้องการมีผิวฉ่ำโกลว์เล่นแสง ผิวเรียบเนียน อิ่มน้ำ แบบราคาเป็นมิตรเข้าถึงง่ายสำหรับหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มเข้าวงการ Set 3: ลดสิว ผิวแข็งแรง ประกอบด้วย : DM Glow + Melasma Clear เหมาะกับใคร ? : เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวเป็นสิวเรื้อรัง ทั้งสิวที่เกิดจากฮอร์โมน มีรอยดำฝังลึก หรือสิวที่เกิดจากกรรมพันธุ์ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ เซ็ตนี้ช่วย ลดการอักเสบของสิว ช่วยให้ผิวแข็งแรง สามารถป้องกันการเกิดสิวเรื้อรังได้อีกด้วย รวมถึงยังช่วยรักษารอยดำจากสิวทิ้งรอย พร้อมปรับผิวให้กระจ่างใสมากยิ่งขึ้น Set 4: หลุมตื้น รูขุมขนกระชับ ประกอบด้วย : Derma Fix + Derma Skin PN2% เหมาะกับใคร ? : เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวที่ใบหน้า รูขุมขนกว้าง  เพราะเซ็ตนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อิลาสติน สร้างการผลัดเซลล์ผิว ช่วยเติมเต็มหลุมสิวและช่วยกระชับรูขุมขนให้เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น รวมถึงลดรอยแดง รอยดำ ลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น " หากยังไม่มั่นใจว่าปัญหาผิวที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่ เหมาะกับ Set ไหน ไม่ต้องกลัวงง ลองเข้ามาปรึกษาปัญหากับคุณหมอดูก่อนได้ ที่ About Face Clinic ทุกสาขาค่ะ ... ได้ทั้ง 3 สาขาเลยน้าา " ขั้นตอนการทำ ประเมินการรักษากับแพทย์ประจำ About Face Clinic และเช็คปัญหาสภาพผิวของคนไข้แต่ละคนอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล ทำความสะอาดผิวหน้า ด้วยคลีนซิ่งน้ำนม ของทาง About Face Clinic เริ่มทำโปรแกรม โดยแพทย์ประจำคลินิกทุกขั้นตอน * Set 4 เป็นการใช้เครื่อง Derma Fix จำเป็นต้องมากส์ยาชาก่อนการทำ เป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที เพื่อลดความเจ็บระหว่างทำ * Set 1-3 ทำการประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง เพื่อลดความเจ็บ ระหว่างทำ หลังทำทันที Set 1-3 หลังทำเสร็จทันที จะมีรอยแดงตามจุดที่ทำการรักษา ซึ่งจะเริ่มจางลงใน 2-5 ชั่วโมง และหายภายในไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังทำ Set 4 จะมีรอยแดงประมาณ 7-14 วัน และอาจต้องมีการพักหน้า ในช่วง 24 ชั่วโมงหลังทำ งดแต่งหน้า รวมถึงงดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ ในกลุ่มผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA BHA หรือ Retinal เป็นต้น วิธีเตรียมตัวก่อนทำโปรแกรม คนไข้ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากแพทย์ประจำคลินิกจะประเมินสภาพผิวหน้า เลือกสูตรให้เหมาะสมกับปัญหาผิวและตรงตามความต้องการของคนไข้ เพียงพักผ่อนให้เพียงพอ ทั้งนี้ คนไข้ควรแจ้งประวัติการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่ทานอยู่ การแพ้ยา หรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบทุกครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย  วิธีการดูแลตัวเองหลังทำโปรแกรม Set 1-4 ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผิวเสียความชุ่มชื้นได้ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และช่วยให้ตัวยาทำงานได้ดีขึ้น หากเกิดรอยแดง หรือรอยช้ำ จากรอยเข็ม สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์ หากรู้สึกปวด ระบมตามรอยเข็ม สามารถกินยาแก้ปวดเพื่อลดอาการปวดได้ พยายามอย่าจับหรือใช้มือสัมผัส ในช่วง 1-2 วันแรก เพราะจะทำให้เชื้อโรคจากมือ เข้าสู่ผิวหน้าผ่านรอยเข็มได้ งดกด นวด หรือสครับผิวบริเวณที่ทำหัตถการ งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ 1 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงการอักเสบ เนื่องจากอาจจะมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวได้ Set 4 งดแต่งหน้า 1 วัน หลีกเลี่ยงสิ่งสกปรกต่าง ๆ ในวันที่ทำหัตถการ ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า หรือน้ำเกลือที่ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น กี่ครั้งเห็นผล และอยู่ได้นานแค่ไหน ? กี่ครั้งเห็นผล : สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด ประมาณ 7-14 วัน จะเริ่มรู้สึกได้ถึงปัญหาที่ลดลง *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และควรฉีดทุกๆ 2-3 สัปดาห์ต่อเนื่องกัน 3-6 ครั้ง อยู่ได้นานแค่ไหน : วิตามินต่างๆจะซึมอยู่บนผิวหน้าได้ประมาณ 1-2 เดือน หากต้องการให้ผิวดูสุขภาพดีอยู่เสมอ ควรฉีดซ้ำในทุกๆ 2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ผลลัพธ์หลังทำ โปรโมชั่น

สาว ๆ หนุ่ม ๆ คนไหนปากบาง....อยากมีปากน่าจุ๊บเหมือนก้นเด็ก ปากอวบอิ่ม ชัดได้รูปเหมือน สาย ฝ. ปากจุ๋มจิ๋มเหมือนสายเกา ห้ามพลาดปรับรูปปากด้วยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ปาก  เพิ่ม Volume ให้ปากเบิร์นฉ่ำ รับรูปหน้า ทุกเคสที่เข้ารับบริการ โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์  เข้าทำกับแพทย์ประจำ About face Clinic ทุกเคสเเกะกล่อง เช็คยาต่อหน้าทุกกล่อง หลังฉีดเสร็จได้กล่องกลับบ้านด้วยน้าาาาา >< ทรงปากยอดฮิต About Face Clinic ปากทรงเชอร์รี่ *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเเต่ละบุคคล   ริมฝีปากบนโค้งเป็นกระจับและริมฝีปากล่างอวบอิ่มกลมมน สไตล์ไอดอลเกาหลี  มีความอวบอิ่มน้ำ ดูสุขภาพดี เเละมีความเป็นธรรมชาติ ปากเชอร์รี่เหมาะกับใครบ้าง ผู้ที่มีริมฝีปากที่บางขาดเสน่ห์ น่าดึงดูดลดน้อยลง ผู้ที่ปากแห้งแตก เป็นร่องชัดจะเกิดปัญหาเวลาที่ทาลิปสติก ผู้ที่ต้องการให้ริมฝีปากดูมีความเป็นธรรมชาติ ปากทรงธรรมชาติ *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเเต่ละบุคคล ทรงปากธรรมชาติ ลักษณะริมฝีปากมีความอวบอิ่ม ปากบนจะบางกว่าปากล่างในสัดส่วนที่พอดี ดูสมดุลกับโครงหน้า ทรงนี้จะเน้นให้ดูเป็นธรรมชาติ ปากธรรมชาติเหมาะกับใครบ้าง ผู้ที่มีริมฝีปากบาง เนื้อน้อย ผู้ที่ต้องการให้ปากดูอวบอิ่มขึ้น เเต่ไม่ต้องการเเบบสายฝอ ปากทรงกระจับ *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเเต่ละบุคคล ริมฝีปากจะมีความโค้งสวยเหมือนผลกระจับ ตรงกลางริมฝีปาก มีติ่งลงมา และเห็นขอบปากชัดเจน ทำให้ริมฝีปากมีความอ่อนหวานละมุน และมีเสน่ห์มากขึ้น ช่วยสร้างความมั่นใจในรูปลักษณ์ ปากทรงกระจับเหมาะกับใครบ้าง ผู้ที่มีปัญหาปากบนหนาไม่เป็นทรง ผู้ที่มีปากคว่ำ ใบหน้าดุ  ผู้ที่มีเนื้อปากไม่หนาเกินไป   ผู้ที่อยากปรับแต่งรูปทรงปากให้กระจับ ปากทรงสายฝอ *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเเต่ละบุคคล    กระแสความงามมาจากทางฝรั่งตะวันตก คือ รูปทรงปากที่มีความอวบอิ่มฟู สวยเซ็กซี่แบบสไตล์ฝรั่ง นอกจากนี้ ยังช่วยแก้ปัญหาปากเป็นร่อง ปากแห้ง ให้ชุ่มชื้นขึ้นได้ และช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้าอีกด้วย ปากทรงสายฝอเหมาะกับใครบ้าง ผู้ที่มีปัญหาปากบาง ปากแห้ง ผู้ที่ต้องการมีริมฝีปากสไตล์ตะวันตก ผู้ที่อยากปรับแต่งรูปทรงปากให้อวบอิ่ม เซ็กซี่ สงสัยอยู่ใช่ไหมล่ะ ?? ว่าผู้ชายสามารถฉีดปากได้รึป่าวว !!! วันนี้มีคำตอบให้หายสงสัยครับผม  *ทั้งนี้ ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวว่าทรงปากแบบไหนจะเหมาะกับคนไทยที่สุด เพราะแต่ละคนจะมีรูปหน้าและสัดส่วนที่แตกต่างกัน การเลือกทรงปากให้เข้ากับตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะสามารถประเมินและแนะนำให้ได้ว่าทรงใดจะเหมาะและลงตัวที่สุด โปรโมชั่น

อย่าพึ่งฉีด Radiesse !!! ถ้าไม่อยากหน้าใส ผิวเด็ก ย้อนวัย โปรแกรมบำรุงผิวพรรณ ที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปถึงใต้ชั้นผิว เห็นผลได้ชัดหลังเติม แล้ว Radiesse ดียังไง เหมาะกับใคร อยู่ได้นานเเค่ไหน About Face Clinic มีคำตอบ !!!!! Regenerative Biostimulator หรือ เรียกว่า Radiesse คืออะไร ?    เป็นนวัตกรรมกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวที่เน้นให้ผิวหน้ามีความอ่อนเยาว์ มีส่วนประกอบหลัก คือ CaHA ซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในร่างกาย จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย ไม่เกิดการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ต่อต้าน และสามารถลดเลือนริ้วรอยร่องตื้นต่างๆ ในระยะยาว จึงเหมาะในการแก้ปัญหาริ้วรอย และร่องลึกบนใบหน้า เช่นร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก  และสามารถสลายไปตามธรรมชาติ Radiesse มีเทคโนโลยีฟื้นฟูผิวถึง 5 ประการ คือ Collagen Type I : ให้ผิวกระชับ แน่นเฟิร์ม Collagen Type III : ให้เกิดการเรียงตัวของ Collagen type 1 ได้อย่างเหมาะสม  Elastin : เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ลดความหย่อยนคล้อย Angiogenesis : ช่วยให้ผิวสุขภาพดี Proteoglycan : สารอาหารผิว ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ ชุ่มชื้นมากขึ้น ให้ผิวเต่งตึง Radiesse กี่วันเห็นผล ? อยู่ได้นานเเค่ไหน ช่วยผิวดูอ่อนเยาว์นานกว่า 1 ปี มากสุดถึง 2 ปี !! เเละ เห็นผลทันทีหลังทำ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเเต่ละบุคคล   ด้วยการสร้างสารสำคัญ 5 ชนิด Radiesse ช่วยซ่อมแซมผิวที่เสื่อมโทรม หมองคล้ำจากวัย ผสานเข้ากับเทคนิคพิเศษของ About Face Clinic ที่มีคุณหมอผู้ชำนาญการช่วยประเมินสภาพผิวบนใบหน้าของแต่ละบุคคล ก่อนทำการรักษาก่อนฉีดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด Radiesse ฉีดจุดไหนได้บ้าง ? Radiesse สามารถฉีดแก้ไขรอยพับและร่องลึกบริเวณใบหน้า เช่น  หน้าแก้ม ใบหน้า  ร่องแก้ม ร่องนํ้าหมาก หลังมือ เเต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทาง About Face Clinic ไม่แนะนำให้ฉีดบริเวณกล้ามเนื้อรอบดวงตา ร่องระหว่างคิ้ว  จมูก ปาก และรอบปาก ซึ่งถ้าหากคนไข้มีปัญหาผิวและมีความกังวลในจุดนี้ก็สามารถเลือกทำหัตถการอื่น ๆ แทนได้ เพื่อการแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า โปรโมชั่น

ทุกคนเคยสงสัยกันไหมคะ ? ว่าโปรแกรมฟิลเลอร์กับโปรแกรมโบท็อกซ์ แตกต่างกันยังไง ? ถ้าหากมีอายุมากขึ้น กำลังประสบกับปัญหาผิวที่หย่อนคล้อยหรือเหี่ยวย่น ต้องการปรับรูปหน้าให้สมดุลกัน ควรเลือกโปรแกรมไหนมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป !!!!! วันนี้ทาง About Face Clinic มีเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ มาแนะนำให้ทุกคนได้หายสงสัยกันค่า ... เหล่าพี่สาวเกียมปากกาไว้จดเลยจ้า ^^ ภาพปรึกษาคุณหมอก่อนทำโปรเเกรม โปรแกรมฟิลเลอร์ โปรแกรมฟิลเลอร์ ช่วยเติมเต็มร่องลึกบนใบหน้าให้เต็ม เต่งตึง เพราะมีคุณสมบัติอุ้มน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้น และยังช่วยและยังเป็นที่นิยมในการปรับรูปหน้าหรือปรับโครงสร้างต่าง ๆ ของใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัด  โดยใช้ในการเติมเต็มชั้นผิวที่เริ่มเสื่อมสภาพ เกิดการเปลี่ยนแปลงในผิว ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อสำคัญของกล้ามเนื้อใบหน้า หรือเส้นเอ็นยึดผิวต่าง ๆ เกิดการหย่อนคล้อย หรือยุบตัวลง สามารถทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิว รวมถึงทดแทนไฮยาลูรอนและคอลลาเจนที่มีอยู่ตามธรรมชาติที่ร่างกายสูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น โปรแกรมฟิลเลอร์จะมีความปลอดภัย โอกาสที่จะเกิดอาการแพ้น้อย สลายได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในผิว ระยะเวลาอยู่ได้นานตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป แต่ไม่เกิน 24 เดือน (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่น)  ภาพปรึกษาคุณหมอก่อนทำโปรเเกรม โปรแกรมโบท็อกซ์ ปัจจุบันโปรแกรมการ ฉีดโบท็อกซ์ (Botox) เป็นหัตถการยอดนิยม เนื่องจากความสะดวก ไม่มีแผล ไม่ต้องผ่าตัด แก้ปัญหาได้ตรงจุดและเห็นผลชัดเจนและรวดเร็วกว่าการทาครีมหลายเท่า ทำให้โปรแกรม การฉีดโบท็อกซ์ได้รับความนิยมในคลินิกความงาม โปรแกรม การฉีดโบท็อกซ์ยังช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อ เช่น ลดกล้ามเนื้อกราม ปรับรูปหน้าเรียว ลดปัญหาการเกิดไมเกรน เพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะเรื้อรัง บำบัดออฟฟิศซินโดรม Botulinum Toxin มีคุณสมบัติพิเศษ หลังทำจะออกฤทธิ์ต่อ ระบบประสาท มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อคลายตัวชั่วคราว ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น ลดริ้วรอย บนใบหน้า รอยย่นบนหน้าผาก หว่างคิ้ว หางตา เป็นต้น ความแตกต่างระหว่าง โปรแกรมฟิลเลอร์ และ โปรแกรมโบท็อกซ์ โปรแกรมฟิลเลอร์ โปรแกรมโบท็อกซ์ ตัวยา Hyaluronic Acid ตัวยา Botulinum Toxin - เติมเต็ม ทำให้ผิวอิ่มฟูและชุ่มชื้น - เติมร่องลึกให้ตื้นขึ้น หน้าละมุน - ยับยั้งไม่ให้กล้ามเนื้อหดตัว ลดขนาดกล้ามเนื้อ - ลดการคลายตัวของกล้ามเนื้อ หน้าเรียว จุดที่ฉีด : ชั้นผิวหนังและใต้ผิวหนัง จุดที่ฉีด : ชั้นกล้ามเนื้อ จุดที่นิยม : ร่องใต้ตา ร่องแก้ม แก้มตอบ เติมคาง ปากอวบอิ่ม จุดที่นิยม : ลดริ้วรอย กล้ามเนื้อกราม ลิฟต์กรอบหน้า เห็นผลทันทีที่ทำ และจะอิ่มฟูเต็มที่ใน 30 วััน *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเเต่ละบุคคล (ลดริ้วรอย) เห็นผลชัดเจน 7-14 วัน หลังทำการรักษา (โบกราม) (โบลิฟกรอบหน้า) เห็นผลเต็มที่ 14-30 วันหลังทำการรักษา *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเเต่ละบุคคล อยู่ได้ตั้งแต่ 6-12 เดือน อยู่ได้ตั้งแต่ 4-6 เดือน สลายโดยธรรมชาติ ไม่ตกค้าง สลายโดยธรรมชาติ ไม่ตกค้าง เลือกโปรแกรมฟิลเลอร์ หรือ โปรแกรมโบท็อกซ์ แบบไหน เหมาะกับใครบ้าง หากคนไข้ไม่แน่ใจว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจะแก้ด้วยโปรแกรมไหน ระหว่างโปรแกรมฟิลเลอร์ หรือ โปรแกรมโบท็อกซ์ ทางคลินิกแนะนำให้ส่งรูปหน้าให้ คุณหมอประเมินก่อนทางออนไลน์ หรือนัดคิวเข้ามาปรึกษากับคุณหมอของเราได้ทั้ง 3 สาขา คือ สาขาแจ้งวัฒนะ สาขาลาดพร้าว เเละสาขานวนคร รีวิวโปรเเกรมโบท็อกซ์ รีวิวโปรเเกรมฟิลเลอร์

สารบัญ ฉีดโบท็อกซ์ฉีดตรงไหนได้บ้าง !? แต่ละจุดใช้กี่ UNIT ฉีดโบท็อกซ์ตรงไหนได้บ้าง แต่ละตำแหน่งใช้กี่ UNIT ? จุดไหนที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ ? 50 UNIT ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ? 100 UNIT ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ? ฉีดโบท็อกซ์ตรงไหนได้บ้าง แต่ละตำแหน่งใช้กี่ UNIT โบท็อกซ์สามารถใช้ฉีดได้หลากหลายตำแหน่ง และบริเวณที่แตกต่างกัน ซึ่งเพื่อน ๆ เคยสงสัยกันมั้ยคะแต่ละจุดควรใช้กี่ยูนิต !? เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดี หน้าไม่แข็งดูธรรมชาติ ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ และมีบริเวณไหนบ้างที่ไม่ควร โบท็อกซ์ ฉีดไหมเพื่อความปลอดภัย โบท็อกซ์หน้าผาก ใช้ประมาณ 15-20 ยูนิต ช่วยให้ริ้วรอยบริเวณหน้าผากจางลง โบท็อกซ์ระหว่างคิ้ว ใช้ประมาณ 6-15 ยูนิต ริ้วรอยระหว่างคิ้วตึง ลดการขมวดคิ้วแล้วเกิดริ้วรอย โบท็อกซ์หางตา ใช้ประมาณ 15-20 ยูนิต รอยย่นหางตาตึงขึ้นอย่างเป็นะรรมชาติ โบท็อกซ์กราม ใช้ประมาณ 25-50 ยูนิต ช่วยให้กล้ามเนื้อกรามเล็กลง หน้าเรียวขึ้น โบท็อกซ์ลิฟต์กรอบหน้า ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต กระชับผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้า โบท็อกซ์กระชับรูขุมขน ใช้ประมาณ 25-30 ยูนิต รูขุมขนกระชับขึ้น ผิวหน้าเรียบเนียน จุดไหนที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ ? บริเวณหลักที่ไม่ควรฉีดโบท็อก (Botox) ได้แก่ บริเวณเหนือคิ้ว ทำให้คิ้วตก หรือฉีดแล้วตาดูเหนื่อยล้า ดูไม่เป็นธรรมชาติ เปลือกตา  อาจทำให้หนังตาตก ปิดตาไม่สนิท มองเห็นภาพซ้อน บริเวณใต้ตา ในเคสที่มีถุงใต้ตา อาจทำให้ถุงใต้ตาดูหย่อนชัดเจนมากยิ่งขึ้น โหนกแก้ม หน้าแก้ม ถ้าฉีดลึกไปอาจจะทำให้ยิ้มเบี้ยวได้ ร่องแก้ม ทำให้เวลาแสดงสีหน้าจะดูไม่เป็นธรรมชาติ ร่องมุมปาก ถ้าฉีดผิดตำแหน่งจะทำให้มุมปากตกได้ นอกจากนี้ ยังมีบริเวณอื่นๆ ที่ไม่ควรฉีดโบท็อก (Botox) ได้แก่ บริเวณที่ผิวหนังอักเสบ หรือมีแผลเปิด : เสี่ยงติดเชื้อ บริเวณที่มีอาการบวมช้ำ : อาจทำให้บวมมากขึ้น บริเวณที่มีเส้นประสาทอยู่ใกล้ๆ : เสี่ยงโดนเส้นประสาท  **บริเวณที่ไม่ควรฉีดอาจแตกต่างขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล หมอจะพิจารณาเป็นราย ** 50 UNIT ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ? โบท็อกซ์ 50 ยูนิตสามารถนำมาฉีดได้ขั้นต่ำ 1 บริเวณ "เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฉีดเฉพาะจุดเลือกจุดใดจุดหนึ่ง " เพียงพอสำหรับการฉีดโบท็อกซ์กราม โบท็อกซ์ริ้วรอย 3 จุด หรือนำมาฉีดลิฟต์กรอบหน้า ลิฟต์ลำคอ 100 UNIT ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ? โบท็อกซ์ 100 ยูนิตสามารถนำมาฉีดได้หลายบริเวณ "เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฉีดหลากหลายบริเวณพร้อมกัน " เช่น สามารถทำโปรแกรม โบท็อกซ์ลดกราม พร้อมกับโบท็อกซ์ลลิฟต์กรอบหน้าเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

Pore FIT MNR โปรแกรมงานผิวใหม่ล่าสุดจากทาง About Face Clinic ผสานการทำงานจากเทคโนโลยี Micro-Needles RF ที่ปล่อยพลังงาน RF ลงสู่ชั้นผิว อย่างตรงจุด และแม่นยำ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำงานคู่กับ Glowy Skin PN2% อัดแน่นไปด้วย Hyaluronic Acid, Vitamin,Polynucleotide ที่ช่วยให้ผิวสมานตัวได้เร็วขึ้น เสริมสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรง ช่วยเติมน้ำให้กับผิว โปรแกรม Pore FIT MNR (micro-needles RF) หน้าฉ่ำ รูขุมขนกระชับ เป็นโปรแกรมการดูแลผิวแบบสาวเกาหลีที่กำลังให้ความนิยม เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เนียนละเอียด ช่วยกระชับรูขุมขน

เป็นเหมือนกันไหมคะ ? ปัญหาผิวของใครหลายๆคน วัยเรียน วัยทำงาน ที่เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น มลภาวะข้างนอก(ฝุ่น) พักผ่อนไม่เพียงพอ การทำลายผิวด้วยการเเต่งหน้าเช็ดหน้าเเรง ๆ ทุกวัน ทำให้ผิวดูขาดน้ำ เเต่งหน้าไม่ติด รูขุมขนกว้าง ดูหมองคล้ำ ผิวลอกเป็นขุย เเต่ไม่ว่าใครก็อยากมีสุขภาพผิวที่ดีใช่ไหมคะ ? วันนี้ About Face Clinic มีตัวช่วยดี ๆ มาเเนะนำ นั่นคือ โปรเเกรม ชาเเนลส์ PINK หน้าใสเเบบไม่ต้องรอ เคล็ดลับผิวสวย เสกหน้าใส เหมือนดื่มน้ำวันละ 8 เเก้ว นอนวันละ 8 ชั่วโมง ถ่ายรูปเเบบ No Filter!!!! เเต่งหน้าติดทนบอกลาหน้าหยือ บอกเลยว่าเคล็ดลับหน้าสดของเหล่าไอดอล พี่สาวเกา น้องสาวจีนกันเลยค่ะ >< โปรเเกรม ชาเเนลส์ PINK คืออะไร ? ^^ เป็นการเติมวิตามินเข้มข้นที่มีประโยชน์ให้กับผิว ปรับสมดุลให้ผิวให้มีความชุ่มชื้น ลดการอักเสบของผิว ด้วยสารอาหารเเละวิตามินที่จำเป็นมากกว่า 53 ชนิดเพื่อทำให้ผิวหน้าได้รับการฟื้นฟูให้กลับมาเปล่งปลั่ง ดูอ่อนวัยอีกครั้ง ด้วยอาหารผิวนานาชนิด สารต้านอนุมูลอิสระ กรดไฮยาลูรอนิก กรดอะมิโนเปปไทด์ กลูต้าไธโอนเเละสารเเอนตี้ออกซิเเดนซ์ต่าง ๆ ที่บรรจุรวมอยู่ในจุดเด่น รวมเปปไทป์ที่จำเป็นมากที่สุดเพื่อผิวอ่อนเยาว์ อุดมด้วยสารอาหารหลายชนิดที่จำเป็น สำหรับเซลล์เเละในกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ จึงช่วยซ่อมเเซมเเละกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้รวดเร็วกว่า วิตามินทั่ว ๆ ไป โปรเเกรม ชาเเนลส์ PINK เหมาะกับใครบ้าง ? -ผู้ที่มีจุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ -ผู้ที่มีหน้าหมองคล้ำจากเเดด ผิวขาดการบำรุง -ผู้ที่ต้องการใช้ผิวเร่งด่วน -ผู้ที่มีรอยดำรอยเเดงจากสิว -ผู้ที่หน้าเเห้ง หน้ามัน ปรับสมดุลผิว โปรเเกรม ชาเเนลส์ PINK ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? -ช่วยให้ผิวเต่งตึงเเละอวบอิ่ม -ช่วยเปลี่ยนเเปลงผิวให้กระจ่างใสขึ้น ดูสุขภาพดี -ช่วยดูเเลผิว เติมความชุ่มชื้น -ปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระที่เกิดจากเเสงเเดด -ช่วยกระตุ้นการสร้างเเละซ่อมเเซมผิว รักษาหน้าใสด้วย โปรเเกรม ชาเเนลส์ PINK เเล้วดีไหม ? ก่อนทำ : จะเห็นได้ว่า มีรอยสิว รูขุมขนกว้าง หน้าไม่กระจ่างใส สีผิวไม่สม่ำเสมอ หลังทำ : วันที่ 1 ผิวหน้าหลังทำการรักษาเสร็จทันที อาจจะมีตุ่มยาหลังทำการรักษา และจะจางลงใน 2-5 ชม. วันที่ 2 จะเห็นรอยสิวที่จางลง หน้าเริ่มสว่างขึ้น ผิวไม่คล้ำ วันที่ 3 รอยสิวบนใบหน้าหายไปเเต่มีเพียงรอยจาง ๆ เเต่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ ผิวหน้าเริ่มเนียนขึ้น จะเห็นได้ถึงความเงาของผิว วันที่ 4 จะเห็นได้ว่าผิวหน้าเริ่มเนียนใส มีเพียงรอยสิวจาง ๆ มีเพียงเล็กน้อย เริ่มเห็นความเเตกต่างจากวันเเรกอย่างชัดเจน วันที่ 5 เริ่มเข้าวันที่ 5 จะเห็นถึงความเเตกต่างของผิว ผิวอิ่มฟู ริ้วรอยบนใบหน้าลดอย่างเห็นได้ชัด ผิวหน้าไม่เเห้งเป็นขุย วันที่ 6 ผิวฉ่ำ กระจ่างใส รูขุมขนกระชับ ผิวเเข็งเเรง หน้าไม่หมองคล้ำอีกต่อไป วันที่ 7 หลังทำหน้าครบ 7 วัน จะเห็นได้ว่ารอยสิวหายไปจากวันเเรก หน้าเรียบเนียนขึ้น เเต่งหน้าไม่ตกร่อง สีผิวสม่ำเสมอกัน เผยผิวสวยอย่างมั่นใจเเต่หากต้องการเห็นผลชัดเจนเเนะนำให้ทำ 2-3 ครั้งขึ้นไป *ผลลัพธ์การรักษาขึ้นอยู่กับผู้ป่วยเฉพาะราย โปรเเกรม ชาเนลส์ PINK ต่างกับตัวอื่นอย่างไร ? โปรเเกรมที่ช่วยฟื้นฟูผิวหน้า ปรับผิวหน้าให้กระจ่างใสสุขภาพดี ทาง About Face Clinic เรียกว่ากลุ่มโปรเเกรมปรับผิวหน้ากระจ่างใส ซึ่งจะเเตกต่างกันตามส่วนประกอบของยา วิธีการรักษาของเเพทย์เเต่ละท่าน เเละขึ้นอยู่กับผิวหน้าของเเต่ละเคส ส่วนประกอบเเละสารตั้งต้นของยา ส่วนของ โปรเเกรม ชาเเนลส์ PINK มีสารอาหารวิตามินเข้มข้นที่มีประโยชน์ให้กับผิว ด้วยสารอาหารเเละวิตามินที่จำเป็นมากกว่า 53 ชนิด เพื่อทำให้ผิวหน้า ได้รับการฟื้นฟูกลับมาเปล่งปลั่ง มีสารอนุมูลอิสระ กรดไฮยาลูรอนิก กรดอะมิโนเปปไทด์ กลูต้าไธโอนเเละสารเเอนตี้ออกซิเเดนซ์ต่าง ๆ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นดูเเลผิวหน้า ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ เเห้งกร้าน ผิวขรุขระ รูขุมขนกว้าง เเล้วต้องการที่ฟื้นฟูผิวในระยะเวลาเร่งด่วน เทคนิค เเละ วิธีการรักษา วางยาเหมือนจุดไข่ปลา ใช้เทคนิคการกระจายทั่ว ๆ ใบหน้า ซึ่งเป็นเทคนิคในการใช้ยาเเบบคุ้มค่าเเละให้ผลลัพธ์ได้โดยตรง เป็นการรักษาที่ปลอดภัย อาจจะเป็นผลข้างเคียงเหมือน โปรเเกรมตัวอื่น เช่น รอยช้ำหลังทำการรักษา *ผลลัพธ์การรักษาขึ้นอยู่กับผู้ป่วยเฉพาะราย โปรเเกรม ชาเเนลส์ PINK มีส่วนผสมสำคัญอะไรบ้าง Peptide & Vitamin ช่วยให้ผิวนุ่มเด้ง ผิวชุ่มชื้นด้วยการดึงดูดเเละกักเก็บความชุ่มชื้น CENTELLA ASIATICA LEAF EXTRACT  ลดการอักเสบ ผิวกระชับขึ้น ASCORBIC ACID ลดเม็ดสี ปรับผิวกระจ่างใส GLUTATHIONE   ปกป้องผิวด้วยการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ NIACINAMIDE รูขุมขนกระชับเรียนเนียน  SODIUM HYALURONATE (HA) 3 ช่วยดูเเลผิวเติมน้ำให้ผิว กักเก็บความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี ลดเลือนริ้วรอย ปรับสมดุลให้แก่ผิว ข้อดี ของ ชาเเนลส์ PINK ช่วยผิวดูกระชับ ดูเต่งตึง ช่วยซ่อมเเซมผิว ช่วยให้ผิวหมองคล้ำ ดูสดใส ช่วยเรื่องหน้าเเห้ง ขาดน้ำ หยาบกร้าน ช่วยเรื่องผิวเเพ้ง่าย ช่วยให้เเต่งหน้าติดทน ไม่เป็นคราบ รีวิวเพิ่มเติม *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล รีวิวส่งต่อความประทับใจ